Pages

รีวิวหนัง The Fault in Our Stars(2014)





แนวดราม่าโรแมนติก


8/10 ซึมสุข โรแม้นเศร้า

ผู้กำกับหนัง Josh Boone


     หากยังคิดว่าชีวิตตัวเองถึงทางตัน รับรองว่าหากได้ดูหนังเรื่องนี้ จะมองโลกต่างออกไปในคราวที่ยังไม่ได้ดู ส่วนใครที่ยังมองไม่เห็นเตรียมชิดชู้ไว้เยอะๆแล้วกัน

     หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งสองคนคือเฮเชล เกรซและออกัสตัส ภายหลังที่เฮเชลได้เข้ากลุ่มสนับสนุนโปรแกรมทางสังคมของผู้ป่วย อาการซึมเศร้าก็เริ่มดีขึ้น และยิ่งได้สนิทสนมกับออกัสตัส หนุ่มผู้มองโลกสวยและความปรารถนาจะให้ทุกคนจดจำ ก็ยิ่งทำให้เฮเชลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น พวกเขาเริ่มไปมาหาสู่ พูดคุยเรื่องส่วนตัว และบอกสิ่งที่ตัวเองชอบทำอย่างหนังสือสุดโปรด

     จนวันหนึ่งภายหลังที่พวกเขาแลกหนังสือกันอ่าน ออกัสตัสก็โทรไปแจ้งข่าวดีกับเฮเชลถึงเรื่องนักเขียนสุดโปรด และจดหมายตอบกลับจากพวกเขา เฮเชลจึงพยายามเขียนส่งไปอีกครั้ง และสุดท้ายเธอก็ได้จดหมายตอบกลับเชื้อเชิญให้มาเยือนอัมสเตอร์ดัม

     แต่ทว่าด้วยความเสี่ยงจากโรคและอาการป่วย ประกอบกับคำวินิจฉัยของแพทย์ มีโอกาสที่ความฝันของเธอจะไม่ได้เกิดขึ้น
    
     ใครยังไม่อ่านบทประพันธ์จากชื่อเรื่องเดียวกันของ John Green ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาเรื่องนี้ได้ผ่านเนื้อหาภาพยนตร์ หรือถ้าจะหาหนังสือมาอ่านเสริมทีหลังก็ไม่เป็นไร

     ดังนั้นจึงขอเริ่มต้นด้วยว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ปกติก็มีพล๊อตทีมีแก่นเช่นนี้บ้าง ก็คือผูกความตายเข้ากับคนใกล้ตาย โดยชักนำความคิดที่จี้หัวใจว่าทำไมต้องอยู่อย่างอมทุกข์ด้วยละ! ขณะที่เรื่องนี้ผูกเรื่องเข้ากับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ตามสถานะที่ไม่ควรเกิดขึ้น(The Fault)

     เพราะฉะนั้น เมื่อไม่มองในเชิงปัญหาวรรณกรรม หนังเรื่องนี้จึงมีต้นทุนความน่าสนใจอยู่ในตัวแล้ว ดั่งเช่นต้นทุนประเภทหนังดีหลายๆเรื่อง

     ขณะเดียวกันเมื่อกลับเข้าสู่โหมดหนัง ตัวละครหลักอย่างเฮเชลและออกัสตัสอย่างเช่นบทบาท และการเลือกนักแสดง ทำได้ดีโดยเฉพาะแอนเชล เอลกอร์ธ(ออกัสตัส) เช่น การกระทำ(Acting) ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าพัฒนาการของตัวละครของเฮเชลเกิดขึ้นจริงได้

     ประการต่อมา เราจะเห็นว่าท้องเรื่องซึ่งเน้นหนักไปทางดราม่ามากกว่าโรแมนติกซ์ มักจะมีแง่มุม ประเภทชี้จุด! โดนใจเชิงปัญหาชีวิตและทัศนคติ ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้ก็ทำได้ดี ภายใต้ข้อจำกัดของหนัง ยิ่งเวลาดูจบก็มักจะได้แง่คิดดีๆผ่านเรื่องราวของพวกเขากลับมา

     ขณะที่ความโรแมนติกซ์ของเรื่องนี้ เป็นเพียงการนำเอาความสัมพันธ์ของคู่หนุ่มสาว(เฮเชล-ออกัสตัส)มาใช้ในการเดินเรื่อง แม้โทนเรื่องความรักดูจะไม่ค่อยอิน แต่เมื่อพิจารณาผสมกับบทบาทของตัวละครฝ่ายรุกอย่าง ออกัสตัส ก็ช่วยทำให้เรารู้สึกว่า ไม่เสียดายน้ำตาที่เสียไป

     และสุดท้ายเพลงประกอบเพราะดี

ตัวอย่างหนัง

The Fault in Our Stars(2014)Trailer
จาก 20th Century Fox

Unknown