แนวดาร์กแฟนตาซี่ หรือโกธิค
8.5/10 หนังดีๆขั้นเทพ
ผู้กำกับหนัง Guillermo
del Toro
จำได้ว่าดูเรื่องนี้ครั้งแรกสนุกมาก ติดหนึบจนอยากแนะนำเพื่อนไปดู กระทั่งวันนี้กลับมาดูอีกครั้งก็พบว่าเนื้อหาเรื่องนี้นั้นล้ำเอามาก
เข้าขั้นหนังแนวดีๆ ขั้นเทพได้เลย ซึ่งใครยังไม่ได้ดูรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
เรื่องราวเกิดขึ้นให้หลังสงครามกลางเมืองสเปนจบแล้ว เมื่อโอเฟียเลียและแม่ย้ายไปอยู่กับพ่อเลี้ยง
หรือผู้กองวิดัสนายทหารพรรคฟาแลงก์ที่ประจำอยู่นอกเมืองตามคำสั่งกวาดล้างฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของนายฟรันชิลโก ฟรังโก
ต่อมาเธอได้ไปพบกลับเขาวงกตหินเก่าโบราณ และเทพารักษ์ผู้เฝ้าประตูมิติผู้บอกโอเฟียเลียว่าเธอคือเจ้าหญิงโมแอนนาและกำลังรอเธออยู่
ต่อมาเธอก็ได้รับภารกิจพิสูจน์และยันยันตัวตนว่าเธอคือเจ้าหญิงโมแอนนา
มิได้กลายเป็นมนุษย์ไปแล้ว
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ การนำเอาประวัติศาสตร์ทางเมือง
ของช่วงหลังสงครามกลางเมืองสเปนมาผูกเป็นท้องเรื่อง ซึ่งมิใช่แค่เส้นเดียว
ทว่ายังนำเอาเรื่องราวบางส่วนของนิทานพื้นบ้าน หรือปรัมปราคติกรีก-โรมัน(Pan-Faunus)มาปรับใช้อย่างสร้างสรรค์
โดยการใช้เส้นทั้งสองแบบเป็นตัวสื่อ และละไว้ซึ่งสิ่งที่หนังต้องการจะบอกด้วย
โดยเดินเรื่องช่วงภายหลังสงครามกลางเมืองจบลง แต่ยังทิ้งความวุ่นวาย ซึ่งฝุ่นยังคงลอยคลุ้งอยู่พร้อมกับการผจญภัยของเด็กในเรื่องลึกลับ(เวทย์มนตร์,ภูตและเจ้าหญิง)ซึ่งนำเสนอได้อย่างเข้มข้นน่าตื่นเต้นและซับซ้อนไม่น้อยในเรื่องปมปริศนาต่างๆ
ประกอบกับสามารถลดโทนเรื่องหนัก(โหด,ดิบ,น่ากลัว)และเพิ่มโทนเรื่องเบา(พาแนวฝัน)คลุกเคล้าได้อย่างลงตัว
จนบางครั้งแทบไม่รู้สึกว่าอินกับแนวสงคราม หรือแนวพาฝัน แต่อินได้ทั้งสองอย่างพร้อมกันเหมือนกับหนังแฟนตาซีที่มิใช่นิทานสอนเด็ก
หรือมิใช่หนังชวนเชื่อลัทธิชาตินิยม ไปด้วย
ขณะที่หนังใช้วิธีการลำดับเรื่องเล่าย้อนหลังผสมการเล่าเรื่องผ่านบุคคลที่สาม
เพื่อทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจและส่วนหนึ่งดูเหมือนนิทานสอนใจไปด้วย แหละนี้คงเป็นความดีและสร้างสรรค์จากหนังเรื่องนี้