Pages

รีวิวหนัง The Serpent and the Rainbow(1988)


แนวสยองขวัญ

7.5/10 ความเชื่อ นิมิตและมนต์ดำ

ผู้กำกับ Wes Craven

     คำเตือน!โปรดโยนตำราวิทยาศาสตร์ทิ้งก่อนอ่าน เพราะข้อความนี้เป็นเรื่องความเชื่อ ที่ยืนกันคนละฝั่ง เหมือนกับสองด้านของเหรียญเดียว และต้องผายวิจารณญาณออกหมด เพื่อสูดดมกลิ่น กระอักกระอวนใจ เหมือนอยู่ท่ามกลางผลไม้เน่าในสวนอีเดน

     ถ้า!ความตายในทางความเชื่อ มิใช่จุดสิ้นสุด เหมือนรอคืนชีพครั้งใหญ่ หรือการกลับชาติมาเกิดแบบเล็ก หรือตายแล้วเกิดใหม่ของอมตะนิทานนกอมตะ หรือแม้กระทั่งหลังความตายมีอะไรหรือไม่ ทุกวัฒนธรรมล้วนสนใจชีวิตหลังความตายจากเหนือจรดใต้ จากซ้ายสุดขวา และวางคำอธิบายของตนผ่านรูปของนิทาน,ตำนานหรือเรื่องชวนเม้าท์ ขีดเขียนด้วยสัญลักษณ์แห่งเทพ หรือเรียกแทนว่าผี(วิญญาณ)หรือส่งผ่านในรูปลัทธิใหม่ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์แน่นอนเป็นครูลงคะแนน เพราะเขาประทับมองความตายคือศูนย์ หนัง The Serpent and the Rainbow เรื่องนี้ จะเนรมิตให้เราดู เรื่องราวสุดใครจะล่วงรู้ ผ่านสัญลักษณ์แห่งชีวิตและท้องฟ้า เมื่อได้เขวงขว้างหลังความตาย

     คือเรื่องราวของนักมนุษย์วิทยานาม Dennis ที่ศึกษาค้นคว้า วิจัย เกี่ยวกับเรื่องราวมนต์ดำและเครื่องบูชา เพื่อจะนำตัวอย่างเหล่านั้น ไปปรับปรุงหาตัวยาและรักษาคนในแบบวิทยาศาสตร์ หลังกลับจากเก็บตัวอย่าง เครื่องบูชาของหมอผีพื้นเมืองอเมริกาใต้ ต่อมาได้มีบริษัทยาแห่งหนึ่งยืนข้อเสนอให้ Dennis เดินทางไปเฮติ เพื่อพิสูจน์ข้องสงสัย เกี่ยวกับการคืนชีพของคนตาย ที่มีรูปถ่ายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ไม่ใช่เรื่องตบตา โดยมีด๊อกเตอร์ Marielle เป็นผู้ติดต่อประสานงาน จนเขาได้ไปเฮติ ก็ค้นพบความจริงบางอย่าง ซึ่งช่วยยืนยันว่านิมิตที่ได้รับมอบจากหมอผี และลางสังหรณ์ของเขาถูกต้องเรื่อง สถานที่แห่งนี้มีความชั่วร้ายซ่อนตัวอยู่

     หนังอ้างอิงมาจากนิยายของนักมนุษยวิทยานาม Wade Davis ที่ทำงานด้านพฤษศาสตร์และสนใจความเชื่อพิธีกรรมที่เขาได้ไปใกล้ชิด จนผันตัวเองมาผลิตงานเขียน โดยหนัง The Serpent and the Rainbow เรื่องนี้ ผ่านจินตลีลาของผู้กำกับแนวสยองขวัญ ที่หย่อนเราลงหลุม ให้รู้สึกร่วมขนสุกไปกลับตัวละคร ผ่านชีวิตหลังความตายชั่วขณะ โดยเนรมิตตัวละครอย่าง Dennis ให้มีญาณวิเศษหรือนิมิต มนต์ตราลี้ลับของหมอผีชนพื้นเมืองอเมริกาเป็นจินตนาการ

     โดยผู้กำกับวางลีลาของพล๊อต นำเราเข้าไปสำรวจตั้งแต่ คุณก้าวขึ้นเรือนหมอทรง เพื่อเข้าไปขอสักการะเครื่องบูชาสักชิ้น โดยพล๊อตเล่นกลับจุดน่าสนใจเมื่อเราถามว่า น้ำมันพรายขวดนี้ทำมาจากอะไรและอย่างไร เหมือนหนังนำเราเข้าไปดูเบื้องหลัง การเตรียมพิธี ตั้งแต่กำลังนั่งยางศพ จนถึงขั้นส่งมอบของขลังหลังปลุกเสกไปแล้ว

     ขณะเดียวผู้กำกับก็ยังนำเอาท่วงท่า ของศาสตร์ลี้ลับอีกชนิด เดินควบคู่กันเหมือนกับก่อนวันไปเรือนหมอทรง เราฝันถึงเรื่องไม่ดีจนลังเลว่าจะไปหรือไม่ ซึ่งพลังลี้ลับของการเห็นอนาคต ช่วยทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องเดินได้น่าพองขน โดยเนื้อเรื่องมิได้นำเราไปสำรวจแค่รอบเดินอกของลัทธิวูดูหรือความเชื่อของเฮติแค่นี้เท่านั้น แต่ยังคว้ามือเราไปสัมผัสผิวภายใน ลึกเข้าไปจากรอบเนินความเชื่อดังกล่าว ทั้งพิธีอัญเชิญเทพ(อย่างเออซิรี่)ในพิธีเต้นรำ,ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายหรือดวงวิญญาณ,พิธีปลุกคนตายหรือทำของขลัง และการผสมผสานความเชื่อเก่าแก่ของทาสกับคริสเตียน โดยใช้เรื่องคนหลงผิดนำเอาเวทย์มนต์ไปในทางที่ไม่ดี เป็นเงื่อนไขของปมปัญหา ขณะเดียวกันเนื้อเรื่องก็อยู่ภายใต้ท้องเรื่องช่วงเผด็จการและการเรียกร้องรัฐธรรมนูญไปด้วย เสมือนทั้งคู่ต่างก็รอการเกิดใหม่    

     แหละนี้คือการป๊อก ป๊อกหนัง The Serpent and the Rainbow เรื่องนี้

ตัวอย่างหนัง

จาก Movieclips Trailer Vault


Unknown